น.ส.หนึ่ง เล่าว่า อยู่กินกับนายเอก มาได้ประมาณ 1 ปี โดยตนมีลูกติดจากสามีเก่า 3 คน อายุ 4 ขวบ 2 ขวบ และ 1 ขวบ มาอยู่ด้วย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณเที่ยงตนได้ไปทำกับข้าวให้ลูกที่บ้านพี่สาวซึ่งอยู่ละแวกเดียวกัน จึงปล่อยให้เด็กชายต้นอยู่ในบ้านกับนายเอกกันสองคน จากนั้นไม่นานตนได้ยินลูกร้องเสียงดังจึงได้รีบเดินกลับมาบ้านและพบว่าใบหน้าลูกบวมแดงร้องไห้จ้า โดยนายเอก อ้างว่า บอกให้ลูกไปนอนแต่ลูกไม่นอนแล้วร้องไห้จึงเกิดความโมโหใช้มือตบตีตามใบหน้าและลำตัวเพื่อสั่งสอน จากนั้นตนเองจึงได้พาลูกเข้าแจ้งความที่ สภ.นาโยง และตำรวจส่งตัวเด็กไปตรวจร่างกายที่ รพ.อุดรธานี แพทย์ระบุว่า กระดูกสะโพกแตก และใบหน้าเขียวซ้ำบูดบวม ให้นอนพักที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการ 2 วัน และตนกลัวว่านายเอกจะย้อนกลับมาทำร้ายอีก จึงได้พาลูกออกจากโรงพยาบาลช่วงเย็นวันที่ 7 พ.ค. และมาขอให้ทางมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยประสานตำรวจให้ความปลอดภัยและติดตามคดีให้ความเป็นธรรมด้วย
หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล
ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน พ.ต.อ.สกล เฟื่องกระแสร์ ผกก.สภ.นายูง
และนัดหมายให้ น.ส.หนึ่ง แม่ของเด็กชายต้นเข้าพบเวลา 09.00 น.ของวันเดียวกัน
เพื่อให้รายละเอียดและนัดสอบสหวิชาชีพเด็กโดยเร็ว
ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับนายเอก พ่อเลี้ยง ตามขั้นตอนกฎหมาย พร้อมกับประสานนางเยาวพรรณ
แช่มพุดซา หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี
ไปเยี่ยมเด็กเพื่อให้ความช่วยเหลือ โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามคดี
และประสานกรมคุ้มครองสิทธิ กระทรวงยุติธรรม ช่วยเหลือเงินเยียวยา
พร้อมกับติดตามการช่วยเหลือร่วมกับทางกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ต่อไป
ด้านนางปวีณา กล่าวว่า สถิติปี 63 เด็กถูกทำร้ายร่างกายมากที่สุดคือจากคนใกล้ชิด คนรู้จัก ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองควรเพิ่มความระมัดระวังดูแลลูกหลานอย่างใกล้ชิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น