HOt

สนใจลงโฆษณา ติดต่อ 089-303-7420
Facebook:
LINE: 0893037420

วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2563

ผู้ว่าททท.นำรายชื่อโรงแรม-ร้านอาหาร 512 แห่งโกง"เราเที่ยวด้วยกัน"มอบให้ตร.ดำเนินคดี

วันที่ 16 ธ.ค. 2563 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นำข้อมูลโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร จำนวน 515 แห่ง ที่ต้องสงสัยทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน มามอบให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ทำการตรวจสอบหาตัวผู้กระทำผิด 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้มารับหนังสือ โดยทราบว่าโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ได้รับความนิยมจากประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยทางเจ้าของแอพพลิเคชั่น รวมถึงสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบการกระทำความผิดที่เข้าข่ายฉ้อโกงเงินของรัฐบาล จึงได้ส่งเอกสารมาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบผู้เข้าข่ายกระทำความผิด เบื้องต้นพบว่ามีหลายโรงแรม ร้านค้าๆ เข้าข่ายกระทำความผิด ทั้งนี้ทาง ตร. จะมอบหมายให้กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.)เป็นผู้รับผิดชอบคดี และเสนอให้ ผบ.ตร. ตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนในนาม ตร. เพื่อให้พนักงานสอบสวนทั่วประเทศ ทุกพื้นที่ที่มีร้านค้าหรือโรงแรมที่เกี่ยวข้อง ได้เป็นพนักงานสอบสวนร่วมในการดำเนินคดี ซึ่งตำรวจจะเร่งทำการตรวจสอบและนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า เป็นเรื่องที่ตำรวจต้องดำเนินคดีอาญา เราพยายามทำให้เร็วที่สุด เนื่องจากไม่อยากให้โครงการเฟสใหม่ชะลอลงไป และไม่อยากให้มีการทุจริตเกิดขึ้นอีก ทั้งนี้ฝากเตือนผู้ประกอบการร้านค้า และประชาชน ที่อาจกระทำโดยเจตนาหรือไม่เจตนา เพราะตำรวจมีวิธีการสืบสวนสอบสวน ซึ่งท่านจะหนีไม่พ้นความผิด ทั้งนี้โรงแรมหรือร้านค้าใด ต้องการเข้ามาพูดคุยเป็นการส่วนตัว ตนก็ยินดี สามารถทำได้ เนื่องจากเป็นความผิดฐานฉ้อโกง เป็นความผิดส่วนตัว แต่รัฐเป็นผู้เสียหาย หากผู้เสียหายยินยอม อาจจะถอนคำร้องทุกข์ได้ 

ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.ตรวจสอบพบว่ามีโรงโรงแรมและร้านค้าที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกันกว่า 500 แห่ง แบ่งเป็นโรงแรม 312 แห่ง และร้านค้า 212 แห่ง จากการตรวจสอบส่วนใหญ่พบเป็นโรงแรมขนาดเล็ก แต่ก็มีโรงแรมใหญ่ร่วมด้วย โดยทำการทุจริตกันเป็นกระบวนการ มีวิธีการโกงรวม 6 รูปแบบ เช่น ใช้ส่วนต่างคูปองในโครงการ ตั้งราคาที่พักสูงเกินจริง เปิดให้จองที่พักแต่ไม่พักจริง หรือเปิดให้จองห้องพักแต่โรงแรมยังไม่เปิดให้บริการ ซึ่งกรณีดังกล่าวจะใช้เวลาตรวจสอบ 1 เดือน หากพบว่ามีความผิดจะตัดสิทธิโครงการ และขึ้นบัญชีดำไม่สามารถเข้าร่วมโครงการของรัฐได้อีก นอกจากนี้จะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา

สำหรับการใช้สิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกัน พบว่ามีการเพิ่มการใช้สิทธิเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ นับตั้งแต่เดือน ต.ค. ที่มีการปลดล็อกเรื่องการข้ามจังหวัด การอนุญาตให้โรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาต แต่อยู่ฐานภาษีเข้าร่วมโครงการได้ จากเดิมที่มีการใช้สิทธิเพียงวันละกว่า 10,000 ห้อง เพิ่มเป็น 50,000 - 60,000 ห้อง ขณะนี้มีการใช้สิทธิจ่ายเงินเช็คอินไปแล้วทั้งหมดกว่า 1.4 ล้านคน และมีการใช้คูปองกว่า 800,000 คน วงเงิน 11,170 ล้านบาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น