วันที่ 15 ธ.ค.63 ที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.เป็นประธานการประชุมเร่งรัดและติดตามผลการสอบสวนทางวินัยกรณีทุจริตเบี้ยเลี้ยงโควิด-19 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 และกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยมีพล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จตช. พล.ต.ท.อดิศร์ งามจิตสุขศรี รอง จตช. พล.ต.ท.เชษฏา โกมลวรรธนะ จตร.(หน.) พล.ต.ท.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจสอบภายใน(ผบช.สตส.)
พล.ต.อ.วิสนุ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินการ พบว่า ทุก บช. มีข้าราชการตำรวจ ที่เข้าสู่กระบวนการทางวินัย ประมาณ 166 นาย จาก 17 จังหวัด และ นครบาล ทั้งระดับ บก.ภ.จว.และระดับสถานีตำรวจ โดยมีตั้งแต่ระดับ ผบก. ลงมาถึง ผบ.หมู่ ซึ่งมีการดำเนินการตามเจตนาของผู้กระทำผิด ตั้งแต่ เบาไปถึงหนัก ทั้งการว่ากล่าวตักเตือน การภาคฑัณฑ์ การกักยาม การกักขัง 3-15 วัน และหนักสุดคือ การเสนอพิจารณาวินัยร้ายแรงซึ่งอาจจะเข้าสู่การดำเนินคดีทางอาญาต่อไป
"ในการประชุมเมื่อ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา ผบ.ตร.ได้เร่งรัดทุก บช.ให้เร่งดำเนินการโดยเด็ดขาด โดยให้หลักการไว้ 3 ข้อ คือคืนความเป็นธรรมเยียวยา ถูกต้องตามระเบียบ และทุกคนรวมถึงสังคมพอใจ และให้เวลาทุก บช.ไปเร่งจัดการเข้าสู่กระบวนการทางวินัยภายใน 10 วัน สำหรับ บช.ที่ลงฑัณฑ์ขั้นเบา ผบ.ตร ได้สั่งการให้ ทุก บช รายงานผลมาให้ กองวินัย ตร.ตรวจสอบความเหมาะสมกับมูลความผิดอีกครั้ง หากผลการลงฑัณฑ์ไม่เหมาะสม จะสั่งเพิ่มโทษต่อไป นอกจากนั้นได้สั่งการให้ รอง ผบช.ภ.1 ไปตรวจสอบ ภ.จว.อยุธยา และ ให้ รอง ผบช.ภ.2 ไปตรวจสอบ สภ.ใน จว.ระยอง ทุกแห่ง โดยละเอียด เพิ่มเติม แล้วรายงานผลโดยเร็ว" จตช.ระบุ พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวว่า ในที่ประชุม ผบ.ตร.ได้ย้ำให้ ทุก บช.ระมัดระวัง การเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงของผู้ใต้บังคับบัญชาทุกประเภท โดยเฉพาะเบี้ยเลี้ยงตำรวจชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) หากพบการกระทำผิดต้องถูกลงโทษ และมีผลต่อการแต่งตั้งโยกย้าย โดยให้ทุก บช.ไปตรวจสอบบัญชีเสนอแต่งตั้งให้เรียบร้อย โดยขั้นต่อไป จะต้องได้ข้อยุติภายในสิ้นปีว่า เข้าสู่การพิจารณาโทษวินัยร้ายแรง หรือ ไม่ร้ายแรง อย่างไร หากสิ้นปียังไม่เสร็จสิ้น จะพิจารณาข้อบกพร่อง คณะกรรมการฯ ด้วย นอกจากนั้น ยังสั่งการให้ สตส.ลงพื้นที่ตรวจสอบคู่ขนานไปด้วย


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น