จากกรณีที่นางสุพัตรา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี อยู่ ม.18 ต คลองหนึ่ง อ คลองหลวง จ.ปทุมธานี ได้เดินทางมาที่ สภ.สามโคก เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.ยุทธภูมิ โพธิ์อุดม สารวัตรสอบสวน ว่าเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2563 เวลากลางวันบุตรสาวของผู้แจ้งคือด.ญ.บี(นามสมมติ) อายุ 15 ปี ได้ถูกน.ส.อ้อย(นามสมมติ)ซึ่งเป็นครูประจำชั้นของด.ญ.บี ได้สั่งให้ ด.ญ.บี และเพื่อนร่วมชั้นทำการลุกนั่ง จำนวน 100 ครั้ง ต่อมาเมื่อถึงบ้านผู้แจ้งพบว่าบุตรสาวของตนมาอาการปวดที่บริเวณขาแล้วเดินไม่ได้ ผู้แจ้งจึงพาบุตรสาวไปรักษาตัวที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จากนั้นจึงนำความดังกล่าวเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน โดยเหตุเกิดภายในห้องเรียน 3/19 ของโรงเรียนสามโคก อบจ.ปทุมธานี ม.2 ต.บ้านงิ้ว อ.สามโคก จ.ปทุมธานี

คืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 28 กันยายน 2563 นายชูชาติ เที่ยงธรรม ผู้อำนวยการโรงเรียนสามโคก อบจ.ปทุมธานี พร้อมด้วย รอง ผอ.และครูประจำชั้น เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัว จังหวัดปทุมธานี และเจ้าหน้าที่ พม.จว.ปทุมธานี เดินทางมาเยี่ยม ด.ญ.บี (นามสมมติ) ที่บ้านพักพร้อมพูดคุยกับทางพ่อแม่ของน้อง คือ นายพงษ์ศักดิ์ อายุ 41 ปีและนางสุพัตรา ผู้ปกครอง โดยทางผู้ปกครองพอใจยอมรับการเยี่ยวยาของทางโรงเรียนในเรื่องของค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดจนกว่าน้องจะหายและจบลงด้วยดีทั้งสองฝ่าย
ผู้ปกครองน้องบี กล่าวว่า ได้พูดคุยกับผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายรักษาจนกว่าจะหาย ซึ่งเราก็พอใจที่ได้รับการดูแลรับผิดชอบ เราก็ไม่ติดใจ และไม่ได้เรียกร้องอะไร ส่วนอาการของบุตรสาวปวดขายังเดินไม่ได้ต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุงเราเองก็สงสารลูกจนเหมือนเป็นโรคซึมเศร้า ไม่ค่อยพูดค่อยจากับใคร อยู่คนเดียวการรักษาหมอบอกว่าเส้นเอ็นอักเสบบริเวณข้อเข่า แต่ทำไมไม่หายสักทียังบวมอยู่ ล่าสุดหมอได้ฉีดยาเข้าเส้นจนปวดเดินไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ทางผู้ปกครองไม่ติดใจและให้อภัยคุณครูและขอฝากทางผู้อำนวยการโรงเรียนอย่าไปลงโทษกับคุณครู โดยฝ่ายครูสาวซึ่งมีสีหน้าเคร่งเครียดได้กราบขอบคุณพ่อแม่ของน้องบี
ทางด้านนายชูชาติ เที่ยงธรรม ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวว่า ในส่วนของโรงเรียน รู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น และขออภัยผู้ปกครองในความกังวลใจ และขอยืนยันว่าไม่ได้เพิกเฉย ได้มีดำเนินการลงพื้นที่เยี่ยมเยียนน้องนักเรียนมาโดยตลอดหลังจากทราบ โดยทั้งตัวผมเองและท่าน รอง ผอ. และครูที่สั่งทำโทษ ในส่วนของการดูแลนั้น ทางโรงเรียน ได้มีการให้เด็กเรียนออนไลน์ พร้อมทั้งนำงานและการบ้านไปให้เด็กได้ทำตลอด เพราะทางโรงเรียนได้เตรียมแผนการเรียนการสอนไว้ เนื่องจากเป็นการเตรียมการรับมือโควิด ที่อาจจะระบาดในรอบสอง จึงนำแผนเรียนนี้ไปให้เด็กได้เรียน นอกจากนี้ยังมีการวีดีโอคอล เพื่อสอนเด็กตัวต่อตัวอีกด้วย พร้อมกันนี้ได้มีการจัดประชุมมอบนโยบายให้กับอาจารย์ทั้งหมดในโรงเรียนกว่า 200 ในเรื่องนี้เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก โดยการเปลี่ยนบทลงโทษให้เป็นการบำเพ็ญประโยชน์แทน ส่วนในเรื่องของด.ญ.บี อายุ 15 ปี นั้นทางโรงเรียนได้มีการดำเนินการช่วยเหลือใน 3 ส่วน คือ
1.ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ให้ผู้ปกครองส่งเอกสารใบเสร็จผ่านครูที่ปรึกษา และจ่ายให้ไปแล้วตามลำดับ ผ่านเงินสำรองด้านสุขภาพที่บริษัทประกันและผู้มีจิตกุศล มอบไว้ให้เพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่ประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย ซึ่งได้แจ้งผู้ปกครอง ให้ส่งใบเสร็จมาเรื่อย ๆ ตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น และครูยืนยัน พร้อมโรงเรียนจะช่วยกันดูแลจนกว่านักเรียนจะหายเป็นปรกติ
2.ดูแลเรื่องการเรียนของนักเรียนผ่านคู่มือการเรียนกรณีไม่สามารถมาเรียนได้ ที่รวมเอกสารการเรียนรู้และใบงานไว้เป็นเล่ม อย่างต่อเนื่องและให้เวลาเรียนเป็นกรณีพิเศษ เหมือนนักเรียนคนอื่นที่ต้องหยุดเรียนจากการเจ็บป่วยเรื้อรังหรืออุบัติเหตุ โดยนักเรียนสามารถเรียนอยู่ที่บ้านได้ จนกว่าจะสามารถมาโรงเรียนได้ โดยให้กระทบกับการเรียนของนักเรียนน้อยที่สุด
3.การดูแลสภาพจิตใจของนักเรียน มีการไปเยี่ยม ติดตามอาการอย่างต่อเนื่องผ่านช่องทางต่าง ๆ พร้อมนำส่งข้อสอบใบงานให้ทำที่บ้าน พูดคุยกับนักเรียนให้สบายใจและเชื่อมั่นในการกลับมาเรียน ที่เพื่อนนักเรียน ครูทุกคนยังให้กำลังใจและพร้อมดูแล แม้กระทั่งได้รับการรักษาสิทธิ์ ในเรื่องอื่น ๆ ตามปรกติ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งนี้ครูและโรงเรียนยืนยันว่าจะร่วมกันรับผิดชอบ และดูแลจนกว่านักเรียนจะหายเป็นปรกติ เป็นลายลักษณ์อักษร ของให้ผู้ปกครองเชื่อมั่นครับ
รายงานว่าครูสาวซึ่งมีอาการเครียดไม่สบายใจหลังเกิดเรื่องขึ้น ขณะเดินทางมาเยี่ยม ด.ญ.บีและผู้ปกครองครูสาวมีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลาจนเป็นลมอยู่หน้าบ้านผู้ปกครองทางเพื่อนครูต้องช่วยกันปฐมพยาบาลจนอาการดีขึ้นก่อนเดินทางกลับ

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น